"เมอร์ส" เขย่าเกาหลีใต้ ทั้งชีวิต - เศรษฐกิจ - การเมือง
จากข่าวสด http://www.khaosod.co.th
การระบาดของ "ไวรัสเมอร์ส" หรือ
โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง นอกราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ต้นตอของ
เชื้อมรณะ ปรากฏยังประเทศที่มีระบบสาธารณสุขดีอย่างเกาหลีใต้
เกิดบรรยากาศตึงเครียดไปทั่วแดนโสม แม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่ากับสมัยที่ซาร์ส ระบาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
และ แม้ว่าช่วงท้ายของสัปดาห์ กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ ออกมาประกาศข่าวดีว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สลดลงแล้ว ประชาชนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อและถูกกักตัวไว้ก็มีจำนวนลดลงจาก 3,805 คน เหลือ 3,608 คน ในวันที่ 12 มิ.ย. รวมจำนวนผู้ถูกปล่อยตัวทั่วประเทศ 1,249 คน และขอให้ประชาชนเอาชนะความหวาดกลัวโรคระบาดและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตาม ปกติ
แต่ผลเสียหายที่คาดได้ว่า จะสะเทือนคะแนนนิยมรัฐบาลและน.ส.ปาร์ก กึนเฮ ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ นอกจากยอดผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 11 ราย ยอดผู้ติดเชื้อ 126 รายแล้ว คือผลกระทบ ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
ตั้งแต่ มีผู้เสียชีวิตเพราะเชื้อมรณะนี้ทำให้โรงเรียนทยอยปิดทำการเกือบ 2,500 แห่ง คนขยาดที่จะออกมาช็อปปิ้ง เที่ยวกินตามห้างร้าน โรงภาพยนตร์ ต่างมียอดขายลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนนักท่องเที่ยว ต่างชาติที่เคยเห่อ "เคพ็อพ"ต่างพับแผนการเดินทางมาเยือนเกาหลีใต้ไปตามๆ กัน
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ต้องประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 เพราะปริมาณการบริโภคของประชาชนลดลง
นาย อี จูโยว ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง เพราะการระบาดของไวรัสเมอร์ส พร้อมอธิบายถึงสาเหตุที่ธนาคารกลางตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง ว่า เพราะสถานการณ์การส่งออกของประเทศถดถอยลงซึ่งไม่เป็นผลดีต่อภาคธุรกิจ
"ผล กระทบของการระบาดยังไม่แน่นอน แต่เราคิดว่าน่าจะเป็นการดีถ้าเราชิงลงมือเพื่อควบคุมผลกระทบที่จะเกิดขึ้น กับ ภาคเศรษฐกิจเสียก่อน" นายอีกล่าว
ที่ผ่านมาธนาคารกลางเกาหลีใต้ ประกาศลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจประจำปีตามที่คาดการณ์ไว้แล้วถึง 2 ครั้ง คือจากร้อยละ 3.9 เป็นร้อยละ 3.4 ในเดือนม.ค. และลดลงเหลือร้อยละ 3.1 ในเดือนเมษายน
ด้านภาคการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมที่นำเงินเข้าประเทศ ได้รับผลกระทบหนัก เมื่อนักท่องเที่ยวมากกว่า 54,000 คน ยกเลิกแผนการเดินทางมาเกาหลีใต้แล้วเฉพาะในเดือนนี้
หลายประเทศทั่วโลกให้คำแนะนำพลเมืองของตนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้หลังการระบาดของโรค
ที่ ดูจะวิตกมากที่สุดคือ ฮ่องกง ประกาศเตือนพลเมืองของตนในระดับ "สีแดง" หมายถึงไม่ให้เดินทางไปเกาหลีใต้ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น สาเหตุมาจากประสบการณ์การระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือโรค ซาร์สที่ คร่าชีวิตประชาชนไปถึง 299 ราย ในปี 2546
การ ระบาดของโรคซาร์สที่ประเทศจีนและฮ่องกงในครั้งนั้น ทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2546 ลดลงถึงร้อยละ 2.9 จากไตรมาสแรก การระบาดของโรคซาร์สครั้งนั้นทำให้เศรษฐกิจเสียหายไปถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 16.87 ล้านล้านบาท
แม้ว่าสถานการณ์ครั้ง นี้จะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคภายในประเทศ และนักท่องเที่ยวจากต่างชาติยังเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลเกาหลีใต้ภายใต้การ บริหารของประธานาธิบดีปาร์ก จะต้องเร่งฟื้นฟูโดยเร็ว เป็นงานด่วนที่จะตามมาหลังสถานการณ์ควบคุมการระบาดได้
การระบาด ของไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. หลังมีชายอายุ 68 ปีรายหนึ่งติดเชื้อมาจากการเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบียและกลับมาถึง เกาหลีใต้
เมื่อกลับมาป่วย แต่ไม่รู้สาเหตุและไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาการยังไม่ดีขึ้น ชายคน ดังกล่าวจึงเดินทางไปตรวจร่างกายยังสถานพยาบาล 4 แห่ง กระทั่งเวลาผ่านมา 9 วัน จึงรู้ว่าเป็นเชื้อเมอร์สในวันที่ 20 พ.ค.
จากจุดนี้เองทำให้ทั้งผู้ป่วยคนอื่นๆ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอีกหลายคนติดเชื้อตามไปด้วย
กระแสความตื่นกลัวของประชาชนเกาหลีส่วนหนึ่งมาจากความผิดพลาดของรัฐบาลในการตอบสนองต่อการระบาดเบื้องต้น
รัฐบาล เพิ่งมาประกาศรายชื่อโรงพยาบาลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 24 แห่ง ในวันที่ 7 มิ.ย. รวมถึงโรงพยาบาลพย็องแท็ก เซนต์แมรี่ โรงพยาบาลโซล ซัมซอง และศูนย์การแพทย์ซัมซอง โดยทิ้งเวลานานเกินไป
แม้ต่อมาเจ้า หน้าที่รัฐแถลงถึงมาตรการตามหาและกักกันผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไว้ให้ได้ทั้ง หมด พร้อมระบุว่าความเสี่ยงที่ไวรัสจะแพร่กระจายทางอากาศหรือในชุมชนนอกโรง พยาบาลมีไม่มาก แต่ข่าวการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อเช่นเดียวกับผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น รายวันทำให้เกิดภาวะตื่นกลัวในสังคม
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก เมอร์สเป็นเชื้อที่ยังไม่มี วัคซีน และไม่มีทางรักษา ความเสี่ยงในการเสียชีวิตเมื่อติดเชื้อ อยู่ที่ร้อยละ 35
เสียง วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่ดังขึ้นอีกนับจากเหตุโศกนาฏกรรมเรือเซวอลล่มมีผู้ เสียชีวิตกว่า 300 ราย ทำให้ประธานาธิบดีปาร์กไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากแถลงเลื่อนการไปเยือนสหรัฐอเมริกาในวันที่ 14 มิ.ย. และเข้าพบ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ในวันที่ 16 มิ.ย. ออกไปก่อน
เพื่อเป็นผู้นำควบคุมสถานการณ์เมอร์สให้เรียบร้อยก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไปอีก
เกิดบรรยากาศตึงเครียดไปทั่วแดนโสม แม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่ากับสมัยที่ซาร์ส ระบาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
และ แม้ว่าช่วงท้ายของสัปดาห์ กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ ออกมาประกาศข่าวดีว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สลดลงแล้ว ประชาชนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อและถูกกักตัวไว้ก็มีจำนวนลดลงจาก 3,805 คน เหลือ 3,608 คน ในวันที่ 12 มิ.ย. รวมจำนวนผู้ถูกปล่อยตัวทั่วประเทศ 1,249 คน และขอให้ประชาชนเอาชนะความหวาดกลัวโรคระบาดและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตาม ปกติ
แต่ผลเสียหายที่คาดได้ว่า จะสะเทือนคะแนนนิยมรัฐบาลและน.ส.ปาร์ก กึนเฮ ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ นอกจากยอดผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 11 ราย ยอดผู้ติดเชื้อ 126 รายแล้ว คือผลกระทบ ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
ตั้งแต่ มีผู้เสียชีวิตเพราะเชื้อมรณะนี้ทำให้โรงเรียนทยอยปิดทำการเกือบ 2,500 แห่ง คนขยาดที่จะออกมาช็อปปิ้ง เที่ยวกินตามห้างร้าน โรงภาพยนตร์ ต่างมียอดขายลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนนักท่องเที่ยว ต่างชาติที่เคยเห่อ "เคพ็อพ"ต่างพับแผนการเดินทางมาเยือนเกาหลีใต้ไปตามๆ กัน
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ต้องประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 เพราะปริมาณการบริโภคของประชาชนลดลง
ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามที่สาธารณะ ผู้นำปาร์กพบเจ้าหน้าที่การแพทย์ |
นาย อี จูโยว ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง เพราะการระบาดของไวรัสเมอร์ส พร้อมอธิบายถึงสาเหตุที่ธนาคารกลางตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง ว่า เพราะสถานการณ์การส่งออกของประเทศถดถอยลงซึ่งไม่เป็นผลดีต่อภาคธุรกิจ
"ผล กระทบของการระบาดยังไม่แน่นอน แต่เราคิดว่าน่าจะเป็นการดีถ้าเราชิงลงมือเพื่อควบคุมผลกระทบที่จะเกิดขึ้น กับ ภาคเศรษฐกิจเสียก่อน" นายอีกล่าว
ที่ผ่านมาธนาคารกลางเกาหลีใต้ ประกาศลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจประจำปีตามที่คาดการณ์ไว้แล้วถึง 2 ครั้ง คือจากร้อยละ 3.9 เป็นร้อยละ 3.4 ในเดือนม.ค. และลดลงเหลือร้อยละ 3.1 ในเดือนเมษายน
ด้านภาคการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมที่นำเงินเข้าประเทศ ได้รับผลกระทบหนัก เมื่อนักท่องเที่ยวมากกว่า 54,000 คน ยกเลิกแผนการเดินทางมาเกาหลีใต้แล้วเฉพาะในเดือนนี้
หลายประเทศทั่วโลกให้คำแนะนำพลเมืองของตนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้หลังการระบาดของโรค
ที่ ดูจะวิตกมากที่สุดคือ ฮ่องกง ประกาศเตือนพลเมืองของตนในระดับ "สีแดง" หมายถึงไม่ให้เดินทางไปเกาหลีใต้ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น สาเหตุมาจากประสบการณ์การระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือโรค ซาร์สที่ คร่าชีวิตประชาชนไปถึง 299 ราย ในปี 2546
งานวิวาห์กลายเป็นสภาพนี้ |
การ ระบาดของโรคซาร์สที่ประเทศจีนและฮ่องกงในครั้งนั้น ทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2546 ลดลงถึงร้อยละ 2.9 จากไตรมาสแรก การระบาดของโรคซาร์สครั้งนั้นทำให้เศรษฐกิจเสียหายไปถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 16.87 ล้านล้านบาท
แม้ว่าสถานการณ์ครั้ง นี้จะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคภายในประเทศ และนักท่องเที่ยวจากต่างชาติยังเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลเกาหลีใต้ภายใต้การ บริหารของประธานาธิบดีปาร์ก จะต้องเร่งฟื้นฟูโดยเร็ว เป็นงานด่วนที่จะตามมาหลังสถานการณ์ควบคุมการระบาดได้
การระบาด ของไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. หลังมีชายอายุ 68 ปีรายหนึ่งติดเชื้อมาจากการเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบียและกลับมาถึง เกาหลีใต้
เมื่อกลับมาป่วย แต่ไม่รู้สาเหตุและไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาการยังไม่ดีขึ้น ชายคน ดังกล่าวจึงเดินทางไปตรวจร่างกายยังสถานพยาบาล 4 แห่ง กระทั่งเวลาผ่านมา 9 วัน จึงรู้ว่าเป็นเชื้อเมอร์สในวันที่ 20 พ.ค.
จากจุดนี้เองทำให้ทั้งผู้ป่วยคนอื่นๆ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอีกหลายคนติดเชื้อตามไปด้วย
กระแสความตื่นกลัวของประชาชนเกาหลีส่วนหนึ่งมาจากความผิดพลาดของรัฐบาลในการตอบสนองต่อการระบาดเบื้องต้น
รัฐบาล เพิ่งมาประกาศรายชื่อโรงพยาบาลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 24 แห่ง ในวันที่ 7 มิ.ย. รวมถึงโรงพยาบาลพย็องแท็ก เซนต์แมรี่ โรงพยาบาลโซล ซัมซอง และศูนย์การแพทย์ซัมซอง โดยทิ้งเวลานานเกินไป
แม้ต่อมาเจ้า หน้าที่รัฐแถลงถึงมาตรการตามหาและกักกันผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไว้ให้ได้ทั้ง หมด พร้อมระบุว่าความเสี่ยงที่ไวรัสจะแพร่กระจายทางอากาศหรือในชุมชนนอกโรง พยาบาลมีไม่มาก แต่ข่าวการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อเช่นเดียวกับผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น รายวันทำให้เกิดภาวะตื่นกลัวในสังคม
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก เมอร์สเป็นเชื้อที่ยังไม่มี วัคซีน และไม่มีทางรักษา ความเสี่ยงในการเสียชีวิตเมื่อติดเชื้อ อยู่ที่ร้อยละ 35
เสียง วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่ดังขึ้นอีกนับจากเหตุโศกนาฏกรรมเรือเซวอลล่มมีผู้ เสียชีวิตกว่า 300 ราย ทำให้ประธานาธิบดีปาร์กไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากแถลงเลื่อนการไปเยือนสหรัฐอเมริกาในวันที่ 14 มิ.ย. และเข้าพบ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ในวันที่ 16 มิ.ย. ออกไปก่อน
เพื่อเป็นผู้นำควบคุมสถานการณ์เมอร์สให้เรียบร้อยก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไปอีก
จากข่าวสด http://www.khaosod.co.th













